ทักษะในการให้อาหารสายยางที่ถูกต้องทักษะในการให้อาหารทางสายยางที่ถูกต้องนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการได้รับสารอาหารของผู้ป่วยค่ะ ทักษะเหล่านี้เน้นที่ความสะอาด ความแม่นยำ และการเฝ้าระวัง
นี่คือทักษะหลักที่คุณควรฝึกฝนและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด:
✅ ทักษะในการให้อาหารทางสายยางที่ถูกต้อง
1. ทักษะด้านสุขอนามัย (Hygiene Mastery)
การล้างมือปลอดเชื้อ: สามารถล้างมือได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอนและใช้แอลกอฮอล์เจลอย่างสม่ำเสมอ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยและอุปกรณ์
การจัดการความสะอาดอุปกรณ์: สามารถทำความสะอาดและจัดเก็บกระบอกให้อาหารและภาชนะใส่อาหารได้อย่างสะอาดปราศจากเชื้อ และทราบวิธีการเก็บอาหารที่ถูกต้อง
2. ทักษะการจัดท่าผู้ป่วย (Positioning Skill)
การจัดท่าที่เหมาะสม: สามารถจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า ศีรษะสูง 30–45 องศา (Semi-Fowler’s) ได้อย่างถูกต้องและมั่นคง ตลอดเวลา ที่ให้อาหาร และคงท่านั้นไว้หลังให้อาหารอย่างน้อย 30–60 นาที
3. ทักษะการตรวจสอบความปลอดภัยของสาย (Tube Safety Check)
การตรวจสอบตำแหน่งสาย (Placement Check): สามารถตรวจสอบตำแหน่งของสายให้อาหารได้อย่างถูกต้องก่อนเริ่มให้อาหารทุกครั้ง (เช่น การตรวจสอบรอยมาร์คความยาวของสาย)
การวัดและจัดการอาหารค้าง (Residual Management): สามารถดูดและวัดปริมาณอาหารที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหารได้ และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าจะให้หรือหยุดให้อาหารมื้อถัดไปตามปริมาณที่ตรวจวัดได้
4. ทักษะการควบคุมการไหลของอาหาร (Flow Control Technique)
การให้อาหารตามแรงโน้มถ่วง (Gravity Feeding): สามารถควบคุมความเร็วของการไหลของอาหารได้ โดยการปรับระดับความสูงของกระบอกฉีดยาอย่างเหมาะสม เพื่อให้อาหารไหลลงไป ช้า ๆ (ไม่เร็วกว่า 15–20 นาทีต่อมื้อ) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยป้องกันอาการท้องอืดและสำลัก
การป้องกันอากาศเข้าสาย: สามารถควบคุมการเทอาหารใส่กระบอก โดยระวังไม่ให้มีอากาศเข้าสู่สายมากเกินไป
5. ทักษะการป้องกันการอุดตัน (Flushing/Cleaning Skill)
การล้างสายก่อนและหลัง: สามารถฉีด น้ำสะอาด เข้าไปในสายยางได้ในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งก่อนเริ่มให้อาหารและหลังจากให้อาหารเสร็จสิ้น เพื่อชะล้างเศษอาหารและยาที่อาจทำให้สายอุดตัน
6. ทักษะการสังเกตและเฝ้าระวัง (Monitoring Skill)
การสังเกตอาการสำลัก: สามารถสังเกตและตอบสนองต่อสัญญาณเริ่มต้นของการสำลักได้อย่างรวดเร็ว (เช่น ไอ, หายใจมีเสียงดัง, สีผิวคล้ำลง)
การสังเกตภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ: สังเกตอาการท้องอืด, ท้องเสีย, ท้องผูก, หรืออาการบวม/อักเสบ ณ บริเวณที่สายยางสัมผัสผิวหนังหรือทางเข้าของสาย (ถ้าเป็นสาย PEG)