แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 34
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



2
ซ่อมบำรุงอาคาร: แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม แก้ไขอย่างไร

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ หลายคนต้องอยู่บ้านเวิร์คฟอร์มโฮม ทำให้ต้องอยู่บ้านนานมากขึ้นและแน่นอนว่าบ้านไหนที่มีเครื่องปรับอากาศจะต้องถูกใช้งานบ่อยมากขึ้นด้วย ทำให้ค่าไฟพุ่งสูง ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานอยู่ที่บ้านนั้น ส่งผลทำให้เราต้องใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวในแต่ละวัน ทำให้เครื่องปรับอากาศมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก หลายบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศใช้ก็ต้องหนักใจกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าหรือค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของเรา เพราะการทำความสะอาด แอร์ในบ้านของเรานั้นมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาความสะอาดอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือนเพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยังดีต่อสุขภาพของคนภายในบ้านด้วย

แต่ในขณะเดียวกันการใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ เชื่อว่าหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็นและมีแต่ลมออกมา ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและเสียค่าใช้จ่ายไปแบบเปล่าประโยชน์ เพราะบางคนแม้ว่าแอร์ไม่เย็นก็ยังฝืนเปิดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งการกระทำแบบนี้จะทำให้แอร์ของเราเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติและต้องมาเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันบาทเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมออกมา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของแอร์ในบ้านของเรา ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน หากฝืนใช้ต่อไปแน่นอนว่าจะทำให้แอร์ของคุณพังอย่างแน่นอน

ปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่แอร์เก่าเท่านั้น บางครั้งแอร์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาติดตั้งแล้วใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ลมที่ออกมาก็ไม่เย็นฉ่ำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรรีบตรวจสอบ และแก้ไขทันที ในเบื้องต้นเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การปรับโหมดการทำงานให้ถูกต้อง วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด และทุกบ้านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าขณะที่เปิดใช้งานแอร์นั้น เลือกใช้โหมดการทำงานอยู่ในโหมดใด

เพราะบางครั้งการตั้งค่าโหมดการทำงานของแอร์ที่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม และ แอร์ไม่ตัด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรล และหนึ่งในสาเหตุของปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม นอกเหนือจาก น้ำยาแอร์ขาด และคอมเพรสเซอร์เสีย ก็คือ แคป ซึ่งเป็นตัวเก็บประจุ เกิดความเสียหาย ลองสังเกตง่าย ๆ ว่าแคปรัน ระเบิด เสียหายหรือไม่นั่น คือ หากจับที่ตัวแคปรันแล้วมีคราบน้ำมัน หรือรู้สึกมัน ๆ ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าเป็นเพราะแคปเกิดการเสียหาย และสาเหตุสุดท้ายคือ การไม่ล้างทำความสะอาดแอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้แอร์เกิดความเสียหาย

โดยเฉพาะแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน การปล่อยให้แอร์มีคราบฝุ่นเกาะฝังแน่นสะสมในปริมาณมากทั้งภายในตัวเครื่อง และตัวคอมเพรสเซอร์ โดยที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ระบบทำความเย็นของแอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมลมแอร์ที่ออกมายังไม่บริสุทธิ์ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว โดยเราควรที่จะตรวจสอบคราบฝุ่นละอองสะสม โดยการถอดหน้ากากแอร์ออก แล้วดูที่แผงฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศบริเวณด้านหน้าก็จะเห็นคราบฝุ่น และความสกปรกที่เกาะอยู่ สามารถนำแอร์ฟิลเตอร์ไปล้าง ด้วยน้ำสะอาด และใช้แปรงถูเบา ๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นให้หลุดออกไป แล้วตากให้แห้ง ก็จะช่วยลดฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ก็ควรหมั่นล้างแอร์ตามระยะเวลา เพื่อให้มีความสะอาด ยืดอายุการใช้งานของแอร์และดีต่อสุขภาพของคนในบ้านด้วย

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

3
ขายฟรี โพสประกาศฟรี / Doctor At Home: เมารถ เมาเรือ (Motion sickness)
« เมื่อ: วันที่ 23 กรกฎาคม 2025, 22:59:20 น. »
Doctor At Home: เมารถ เมาเรือ (Motion sickness)

อาการเมารถเมาเรือ ในที่นี้หมายรวมถึงเมาเครื่องบิน เมาเครื่องเล่นที่มีการหมุนหรือเคลื่อนไหว ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า "อาการเมาจากการเคลื่อนไหว (motion sickness)" ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะนั่งรถหรือนั่งเรือ จึงขอเรียกว่า "อาการเมารถเมาเรือ"

อาการนี้เป็นภาวะที่ไม่ร้ายแรง และมักจะหายได้เองหลังจากลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่นสักพัก โดยไม่จำเป็นต้องรักษา ยกเว้นในรายที่อาการรุนแรง หรือพักอยู่นานแล้วยังไม่ทุเลา อาจต้องใช้ยาบรรเทาหรือไปปรึกษาแพทย์

มักพบบ่อยในเด็กอายุ 2-12 ปี พบน้อยลงในวัยผู้ใหญ่ และพบน้อยมากในคนอายุมากกว่า 50 ปี พบว่าผู้หญิงมีโอกาสเกิดอาการนี้มากกว่าผู้ชาย

ผู้ที่มีประวัติว่าพ่อหรือแม่มีอาการเมารถในวัยเด็ก ผู้ที่กำลังมีประจำเดือน ใช้ยาคุมกำเนิด หรือตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติเป็นไมเกรน โรคพาร์กินสัน หรือมีความผิดปกติของหูชั้นใน (เช่น โรคเมเนียส์) มีโอกาสเกิดอาการเมารถเมาเรือมากกว่าคนปกติทั่วไป

สาเหตุ

เกิดจากระบบรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยหูชั้นใน ดวงตา กล้ามเนื้อและข้อ ทำงานไม่ประสานกัน ทำให้สมองเกิดความสับสนระหว่างสัญญาณรับรู้การเคลื่อนไหวจากหูชั้นใน สัญญาณการมองเห็นจากดวงตา และสัญญาณรับรู้ตำแหน่งของร่างกายจากกล้ามเนื้อและข้อ (เช่น เวลานั่งรถนั่งเรือ หูชั้นในรับรู้ว่าร่างกายเคลื่อนที่ไปกับรถ ตามองเห็นภาพต้นไม้ที่มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อและข้อรับรู้ว่าร่างกายกำลังอยู่นิ่ง ๆ) ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมักถูกกระตุ้นจากการนั่งยานพาหนะหรือเครื่องเล่นที่โคลงเคลงหรือเหวี่ยงไปมา มักเกิดกับผู้ที่มีประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายในหูชั้นในมีความไวกว่าปกติ

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นอย่างฉับพลันขณะนั่งยานพาหนะหรือสิ่งที่เคลื่อนไหว เช่น รถยนต์ รถไฟ เรือ เครื่องบิน เครื่องเล่นผาดโผนในสวนสนุก เป็นต้น หรือเกิดขึ้นเวลาอ่านหนังสือขณะนั่งรถที่กำลังวิ่ง

ส่วนมากจะมีอาการไม่สบายท้อง คลื่นไส้หรือรู้สึกผะอืดผะอม เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือมึนศีรษะ อาจมีอาการอื่น ๆ (เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น หน้าซีด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ มีน้ำลายมาก ง่วงนอน หาว ถอนหายใจ) ร่วมด้วย ในบางรายอาจมีอาการอาเจียนตามมา

หลังจากพาหนะหยุดเคลื่อนไหว (เช่น จอดรถ) หรือลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่น อาการก็จะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เองภายในเวลาสั้น ๆ หรือภายใน 2-3 ชั่วโมง และจะหายเป็นปกติดีภายในเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่มีอาการอาเจียนติดต่อกันนาน อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข อาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในรายที่มีอาการอาเจียนรุนแรง อาจทำให้เยื่อบุหลอดอาหารฉีกขาด (esophageal tear)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วยและสาเหตุกระตุ้นเป็นหลัก และทำการตรวจร่างกาย รวมทั้งตรวจตาและหู โดยไม่จำเป็นต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติม ยกเว้นในรายที่สงสัยมีสาเหตุจากโรคอื่น

การรักษาโดยแพทย์

หากอาการเล็กน้อยหรือทุเลาดีแล้ว และไม่สงสัยว่าจะมีสาเหตุจากโรคอื่น ก็จะให้คำแนะนำในการป้องกัน และอาจให้ยาแก้เมารถเมาเรือ (เช่น ยาเม็ดไดเมนไฮดริเนต, แผ่นแปะแก้เมารถเมาเรือที่มีตัวยาสโคโพลามีน) ไว้ใช้ป้องกันในการเดินทางครั้งต่อไป

หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ก็อาจจะให้ยาแก้เมารถเมาเรือ เช่น ไดเมนไฮดริเนต (dimenhydrinate), สโคโพลามีน (scopolamine) ซึ่งมีวิธีใช้และผลข้างเคียงต่างกัน โดยแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของผู้ป่วย

ในรายที่ตรวจพบว่ามีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops), โรคเกี่ยวกับหูชั้นใน เป็นต้น ก็จะให้การดูแลรักษาโรคที่ตรวจพบ

การดูแลตนเอง

ถ้ามีอาการเมารถเมาเรือเกิดขึ้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

    ขอย้ายมานั่งอยู่แถวหน้าของรถ หรือที่นั่งตรงกลางลำเรือ หรือที่นั่งติดหน้าต่างตรงกับแนวปีกเครื่องบิน
    นั่งศีรษะตรง พิงพนักที่นั่ง ประคองให้ศีรษะอยู่นิ่ง ๆ
    หยุดอ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เมื่อรู้สึกมีอาการเมา)
    เปิดหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศให้ลมเข้า เปิดให้มีลมจากเครื่องปรับอากาศพัดถูกใบหน้าให้รู้สึกสดชื่น
    หลับตาสักพัก เมื่อลืมตาให้มองตรงไปด้านหน้าไกล ๆ อย่ามองผ่านหน้าต่างด้านข้าง
    หายใจเข้าออกลึก ๆ และตามดูลมหายใจแบบทำสมาธิ
    ดมยาดม จิบน้ำขิง อมลูกอมรสขิง หรือเคี้ยวขิงแห้งหรือขิงสด (ถ้ามี)
    ถ้าไม่ทุเลา ควรจอดรถลงมาแวะนั่งพักในที่อากาศดี หรือนอนลงบนเรือโดยสารที่มีที่พอ โดยหันศีรษะไปทางหัวเรือ
    ถ้ากำลังเล่นเครื่องเล่น ขอหยุดเล่นเครื่องเล่น ลงมานั่งพักในที่อากาศดี
    ถ้ายังไม่ทุเลา หรือมีอาการคลื่นไส้มากหรืออาเจียน กินยาแก้เมารถ (เช่น ไดเมนไฮดริเนต, สโคโพลามีน) ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลตนเอง และลงจากยานพาหนะหรือเครื่องเล่นแล้วยังไม่ทุเลา หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
    ดื่มน้ำไม่ได้หรือได้น้อย จนมีภาวะขาดน้ำ (ปากคอแห้ง ปัสสาวะออกน้อย อ่อนเพลีย ใจสั่น)
    สงสัยว่ามีสาเหตุเกิดจากโรค เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops) หรือโรคของหูชั้นใน
    มีอาการนานเกิน 24 ชั่วโมง หรือเป็นถี่ขึ้นหรือแรงขึ้นกว่าเดิม


การป้องกัน

ผู้ที่เคยมีอาการเมารถเมาเรือ มีโอกาสกำเริบได้บ่อย ควรหาทางป้องกันดังนี้

    เวลานั่งรถยนต์ ควรเป็นผู้ขับเอง ถ้าเป็นผู้โดยสาร ควรเลือกที่นั่งแถวหน้า สายตามองไปข้างหน้าไกล ๆ หลีกเลี่ยงการมองผ่านหน้าต่างด้านข้าง เห็นภาพต้นไม้ รถรา หรือภาพวิวข้างทางซึ่งเคลื่อนตัวเร็ว ทำให้เมาง่าย

- หลีกเลี่ยงการนั่งอยู่แถวหลัง หรือนั่งหันหน้าไปข้างหลัง

- ควรเปิดหน้าต่างรถหรือช่องระบายอากาศเป็นครั้งคราว เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พัดเอาลมข้างนอกเข้ามาทำให้รู้สึกสดชื่น

- ควรตั้งศีรษะตรง พิงพนักที่นั่ง ประคองให้ศีรษะอยู่นิ่ง ๆ และไม่ควรฟุบหน้าหรือเอนศีรษะ อาจทำให้เมารถง่าย

- ควรหยุดรถแวะพัก เปลี่ยนอิริยาบถและสูดอากาศสดชื่นเป็นพัก ๆ

    เวลานั่งรถไฟ เลือกที่นั่งแถวหน้า ติดหน้าต่าง และหันหน้าไปข้างหน้า อย่านั่งหันกลับหลัง
    เวลานั่งเรือ ควรนั่งตรงกลางลำ หรือด้านหน้าของดาดฟ้าชั้นบน และมองไปไกล ๆ ดูเส้นสุดขอบฟ้า หลีกเลี่ยงการมองดูคลื่นน้ำเคลื่อนไหวที่อยู่ใกล้
    เวลานั่งเครื่องบิน ควรเลือกที่นั่งติดหน้าต่าง ตรงกับแนวปีกเครื่องบิน และเปิดให้มีลมจากเครื่องปรับอากาศพัดถูกใบหน้า
    หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์มือถือ หรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเดินทาง
    ก่อนออกเดินทางควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรกินอาหารแต่พออิ่ม (อย่าอิ่มเกิน) เว้นห่างจากเวลาออกเดินทางอย่างน้อย 30 นาที โดยหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน ๆ และของทอด
    งดชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ก่อนและขณะเดินทาง ควรจิบน้ำเป็นพัก ๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
    ควรสวมแว่นกันแดดระหว่างเดินทาง
    กินยาป้องกันตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เช่น ไดเมนไฮดริเนต ก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 30 นาที-1 ชั่วโมง หรือใช้แผ่นแปะแก้เมารถเมาเรือที่มีตัวยาสโคโพลามีนก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

ข้อแนะนำ

1. อาการเมารถเมาเรือส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง และหายได้เองภายในไม่นาน โดยไม่ต้องใช้ยารักษา ส่วนน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ใหญ่ที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นบ่อย อาจเกิดจากโรคอื่น เช่น ไมเกรน (Migraine), พาร์กินสัน (Parkinson’s disease), โรคเมเนียส์ (Ménière’s disease/Endolymphatic hydrops) หรือโรคของหูชั้นใน หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์

2. เด็กที่มีอาการเมารถเมาเรือบ่อย และมีพ่อหรือแม่เป็นไมเกรน อาจเป็นอาการของไมเกรนโดยไม่มีอาการปวดศีรษะ เมื่ออายุมากขึ้นมักจะมีอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนตามมาได้

3. ในการป้องกันไม่ให้เมารถเมาเรือ ควรเน้นการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องใช้ยาแก้เมารถเมาเรือ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง เช่น ไดเมนไฮดริเนต อาจทำให้ง่วงนอน ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่ามัว ใจสั่น ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก เป็นต้น ส่วนสโคโพลามีน นอกจากมีอาการคล้ายไดเมนไฮดริเนต (แต่จะง่วงน้อยกว่า) แล้ว ยังไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี และห้ามใช้ในผู้ที่เป็นต้อหิน หรือต่อมลูกหมากโต

4
การจัดฟันเด็ก ต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่

เด็กๆหลายคน มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน บางคนมีฟันที่มีความผิดปกติ เช่น ฟันซ้อนเก ซึ่งถ้าหากบุตรหลานของท่านมีฟันซ้อนเก ในระดับปานกลาง หรือมาก ทันตแพทย์อาจจะพิจารณาให้เด็กเข้ารับการถอนฟันเสียก่อน เพื่อให้ฟันได้เรียงตัวอย่างสวยงามและไม่มีปัญหาในเรื่องของการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะในเรื่องของบดเคี้ยวอาหาร รวมไปถึงการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็จะทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการถอนฟันนั้น ก็มีข้อดีสำหรับผู้ที่มีปัญหา เพราะจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเรียงฟันให้เรียบและสวยงาม นอกจากนี้ เมื่อฟันเราเรียงเรียบสวยงามแล้ว ยังทำให้เราทำความสะอาดฟันง่ายขึ้นด้วย


อย่างไรก็ตาม การถอนฟันยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่ยื่นล้ำหน้าให้เข้ามาด้านใน ทำให้ฟันที่ยื่นดูยุบลง ส่งผลให้รูปใบหน้าเปลี่ยนแปลง สวยขึ้นด้วย และสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่อยากจะมีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องปรึกษาทันตแพทย์เสียก่อน โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรให้ความสำคัญในข้อนี้ด้วย เพราะถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาฟันตามที่กล่าวมา ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งเด็กๆหลายคนอาจจะมีความกังวลว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว จะต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่ ซึ่งหลายคนอาจจะกลัวการถอนฟัน เพราะอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด ได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ว่าต้องเข้ารับการถอนฟันหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้พูดทำความเข้าใจกับเด็กถึงในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กหลายคนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของการถอนฟัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ปัญหาฟันของแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษา พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อที่จะได้วางแผนในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับในเรื่องของการเข้ารับการถอนฟันก่อนเข้ารับการจัดฟันนั้น ทันตแพทย์จะทำการตรวจประเมินช่องปากและฟันในเบื้องต้น ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของฟันซ้อนเก ก็อาจจะพิจารณาให้เข้ารับการถอนฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือบางคนอาจจะยิ้มแล้วฟันดูเต็มช่องปาก ซึ่งการเข้ารับการถอนฟันก็จะช่วยให้ยิ้มได้สวยขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งเด็กที่มีปัญหาฟันฝัง เช่น ฟันเขี้ยว ซึ่งฟันฝังบางกรณีก็ยากที่จะดึงลงมาสู่ช่องปากได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีฟันฝังลึกๆ ฟันฝังที่รากโค้งงอ หรือฟันฝังที่รากยึดติดกับกระดูก กรณีนี้ทันตแพทย์ก็อาจพิจารณาให้ถอนฟันออก

แต่อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการถอนฟัน ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการถอนฟันทุกคน เพราะเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาฟันซ้อนเกเพียงเล็กน้อย ซึ่งทันตแพทย์สามารถแก้ไข ดึงฟันให้กลับมาเรียงตัวอย่างสวยงามได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการถอนฟัน หรือถ้าหากเด็กบางคนมีใบหน้าค่อนข้างยุบ การเข้ารับการจัดฟันโดยไม่เข้ารับการถอนฟันก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดก็ได้ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา หรืออาจจะศึกษาข้อมูลรายละเอียด รวมไปถึงขั้นตอนการเตรียมก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีความพร้อมและให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาได้อย่างเต็มที่และไม่มีความกังวล


อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกของเรา ก็มีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเข้ารับการรักษา  ทางเราอยากให้เด็กทุกคนมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีในอนาคต

5
งานฝีมือ เครื่องหอมแบบแฮนด์เมด ปรุงกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับคนพิเศษกัน

การปรุง เครื่องหอมแบบแฮนด์เมด เพื่อเป็นของขวัญให้คนพิเศษเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ เพราะนอกจากจะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังแสดงถึงความใส่ใจและความตั้งใจของผู้ให้ได้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว นี่คือแนวคิดและขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้สร้างสรรค์เครื่องหอมสุดพิเศษได้ครับ

ทำไมต้องเครื่องหอมแฮนด์เมดปรุงกลิ่นเฉพาะ?

ไม่เหมือนใคร: ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้รับรู้สึกพิเศษ truly unique.

สื่อถึงความใส่ใจ: การที่เราใช้เวลาและความพยายามในการเลือกกลิ่นและทำด้วยมือตัวเอง แสดงถึงความรักและความห่วงใย.

สร้างความทรงจำ: กลิ่นสามารถเชื่อมโยงกับความทรงจำได้ การมอบกลิ่นเฉพาะให้ใครสักคนอาจกลายเป็นกลิ่นที่ทำให้เขานึกถึงคุณเสมอ.

ปรับแต่งได้ตามใจ: คุณสามารถปรับส่วนผสม ปรับระดับความเข้มข้น และเลือกรูปแบบของเครื่องหอมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้รับได้ 100%.

แนวคิดในการปรุงกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ก่อนจะลงมือทำ ลองคิดถึง "คนพิเศษ" คนนั้นที่คุณจะมอบให้ ลองนึกภาพบุคลิก ความชอบ หรือความทรงจำร่วมกัน เพื่อสร้าง "กลิ่นสตอรี่" ของพวกเขา:

กลิ่นที่สะท้อนบุคลิก:

สดใส ร่าเริง: กลิ่นตระกูลซิตรัส (ส้ม, เลมอน, เกรปฟรุต), มินต์, ตะไคร้.

อบอุ่น นุ่มนวล: กลิ่นวานิลลา, แซนดัลวูด (ไม้จันทน์), คาโมมายล์, ลาเวนเดอร์.

สุขุม มีเสน่ห์: กลิ่นไม้ (ซีดาร์วูด, แพทชูลี), มัสก์, กลิ่นหนัง.

ลึกลับ น่าค้นหา: กลิ่นกำยาน (Frankincense), เมอร์ (Myrrh), เครื่องเทศบางชนิด.

สบายๆ เป็นกันเอง: กลิ่นผ้าสะอาด (Cotton), แป้งเด็ก, ซีบรีซ (กลิ่นทะเล).


กลิ่นจากความทรงจำร่วมกัน:

สถานที่โปรด: กลิ่นป่า (Pine, Cedarwood) ถ้าชอบเดินป่า, กลิ่นทะเล (Sea Salt, Coconut) ถ้าชอบเที่ยวทะเล.

ขนมโปรด: กลิ่นช็อกโกแลต, วานิลลา, อบเชย (Cinnamon).

ช่วงเวลาพิเศษ: กลิ่นดอกไม้ที่บานในเดือนเกิดของเขา, กลิ่นที่ทำให้หวนนึกถึงวันสำคัญ.


กลิ่นที่มีคุณสมบัติเฉพาะ:

ช่วยผ่อนคลาย/นอนหลับ: ลาเวนเดอร์, คาโมมายล์, แซนดัลวูด.

ช่วยให้สดชื่น/มีพลัง: เปปเปอร์มินต์, เลมอน, โรสมารี่.

ช่วยลดความเครียด: เบอร์กาม็อท, แฟรงคินเซนส์.


ประเภทของเครื่องหอมแฮนด์เมดที่นิยมทำ

เมื่อได้แนวคิดกลิ่นแล้ว ลองเลือกประเภทของเครื่องหอมที่เหมาะกับผู้รับ:

สเปรย์ปรับอากาศ / สเปรย์ฉีดผ้า (Room/Linen Spray):

วิธีทำ: ผสมน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil Blend) ที่ปรุงไว้กับแอลกอฮอล์ (เช่น แอลกอฮอล์ Food Grade หรือ Vodka) และน้ำกลั่น ในอัตราส่วนที่เหมาะสม (เช่น น้ำมันหอมระเหย 10-20 หยด ต่อแอลกอฮอล์ 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำกลั่น 50 ml) เขย่าให้เข้ากัน

จุดเด่น: ใช้งานง่าย พกพาสะดวก สามารถฉีดได้ตามใจชอบ ไม่ทิ้งคราบ.


ก้านไม้หอมปรับอากาศ (Reed Diffuser):

วิธีทำ: ผสมน้ำมันหอมระเหย (20-30%) กับ Base Oil สำหรับ Diffuser (เช่น DPG, IPM หรือน้ำมันหอมระเหยแบบไร้แอลกอฮอล์) ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เทใส่ขวดแก้วปากแคบ และจุ่มก้านหวายหรือก้านไฟเบอร์ลงไป

จุดเด่น: ให้กลิ่นหอมต่อเนื่องตลอดวัน เหมาะสำหรับวางในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องน้ำ.


ถุงหอม / บุหงา (Sachet / Potpourri):

วิธีทำ: นำดอกไม้แห้ง (เช่น ลาเวนเดอร์, กลีบกุหลาบ) หรือสมุนไพรแห้ง มาหยดด้วยน้ำมันหอมระเหยที่ปรุงไว้ (อาจหยดลงบนเม็ดสำลี หรือเม็ดไม้เล็กๆ แล้วใส่รวมกัน) จากนั้นนำไปใส่ในถุงผ้าโปร่งเล็กๆ หรือถุงผ้าตาข่ายสวยๆ

จุดเด่น: น่ารัก ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมาะสำหรับใส่ในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หรือวางไว้ใต้หมอน.


เทียนหอม (Scented Candle):

วิธีทำ: ละลายไขเทียน (Soy Wax, Beeswax) เติมน้ำมันหอมระเหยที่ปรุงไว้ และอาจใส่กลีบดอกไม้แห้งเล็กๆ ลงไปก่อนเทใส่ภาชนะที่มีไส้เทียน

จุดเด่น: สร้างบรรยากาศอบอุ่น แสงไฟจากเทียนช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย และให้กลิ่นหอมกระจายตัวได้ดี.

หลักการปรุงกลิ่นเบื้องต้น (Blending Essential Oils)
การปรุงกลิ่นคล้ายกับการปรุงอาหาร คือต้องลองผิดลองถูก แต่มีหลักการพื้นฐานที่ช่วยได้:

Top Notes (กลิ่นแรก): กลิ่นที่ระเหยเร็ว ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา เช่น ซิตรัส (เลมอน, ส้ม), มินต์, ยูคาลิปตัส.

Middle Notes (กลิ่นกลาง/หัวใจของกลิ่น): กลิ่นที่อยู่ได้นานปานกลาง เป็นกลิ่นหลักของน้ำหอม ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย เช่น ลาเวนเดอร์, กุหลาบ, มะลิ, คาโมมายล์, เจอร์เรเนียม.

Base Notes (กลิ่นฐาน): กลิ่นที่ระเหยช้าที่สุด ติดทนนาน ให้ความรู้สึกหนักแน่น ลุ่มลึก เช่น แซนดัลวูด (ไม้จันทน์), แพทชูลี, ซีดาร์วูด, วานิลลา, กำยาน.


วิธีปรุง:

เริ่มต้นจากกลิ่นฐาน (Base Note): หยด 1-2 หยด

เพิ่มกลิ่นกลาง (Middle Note): หยด 3-5 หยด

ตามด้วยกลิ่นแรก (Top Note): หยด 2-3 หยด

ทดสอบกลิ่น: หยดลงบนกระดาษทดสอบ หรือสำลีเล็กน้อย ดมกลิ่น พักไว้สักพักแล้วดมใหม่ กลิ่นจะเปลี่ยนไป

ปรับสัดส่วน: หากรู้สึกว่ากลิ่นไหนเด่นเกินไป หรือยังขาดกลิ่นใด ก็ค่อยๆ เติมเพิ่มทีละหยด

ตัวอย่างการผสมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์:

"ความสงบของป่า": Base: ซีดาร์วูด, แซนดัลวูด / Middle: ลาเวนเดอร์, โรสมารี่ / Top: ยูคาลิปตัส, เลมอน

"ความหวานละมุนละไม": Base: วานิลลา, แซนดัลวูด / Middle: กุหลาบ, เจอร์เรเนียม / Top: ส้ม

"พลังงานแห่งความสดชื่น": Base: แฟรงคินเซนส์ / Middle: ตะไคร้, เปปเปอร์มินต์ / Top: เกรปฟรุต, มะนาว


ข้อควรระวัง:

เลือกใช้น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) คุณภาพดี: ไม่ใช้น้ำหอมสังเคราะห์ (Fragrance Oil) ถ้าต้องการกลิ่นจากธรรมชาติแท้ๆ

ทดสอบก่อนใช้จริง: หากต้องสัมผัสผิว ให้ทดสอบกับผิวหนังเล็กน้อยก่อน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่

เก็บในขวดสีเข้ม: น้ำมันหอมระเหยควรเก็บในขวดแก้วสีเข้มและปิดฝาให้สนิท เพื่อรักษากลิ่นและคุณภาพ

การปรุงเครื่องหอมแฮนด์เมดเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ครับ ขอให้สนุกกับการสร้างสรรค์กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อคนพิเศษของคุณนะครับ!

6
ต้องแปรงฟันหรือดูแลช่องปากอย่างไร เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

การดูแลรักษาความสะอาดของช่องปกและฟัน ถือว่าเปานกิจวัตรประวันที่เราต้องทำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ถือว่าช่วยทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมั่นใจมากขึ้น เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพปากและฟันของตัวคุณเองที่ดี เพื่อแสดงให้เด็กเห็นว่าสุขภาพปากและฟันเป็นสิ่งที่มีค่า และดียิ่งขึ้นถ้าคุณช่วยสร้างบรรยากาศให้กับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นเรื่องสนุก เช่น การแปรงฟันไปกับลูกของคุณ

การให้เด็กเลือกแปรงสีฟันด้วยตนเอง ก็เป็นการช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างเหมาะสมกับเด็กได้ การปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟัน จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจว่า การที่เรามีฟันที่แข็งแรงนั้น ก็จะช่วยทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น การปลูกฝังหรือสร้างทัศนคติที่ดี จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งในวัยเด็ก เมื่อเราปลูกฝังอะไรเข้าไป เด็กก็จะรับรู้และเอาไปเป็นตัวอย่าง โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจจะเริ่มต้นด้วยการแปรงฟันให้ลูกดูอย่างถูกวิธี สอนให้ลูกแปรงฟันอย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันในเด็กได้แล้ว

นอกจากนี้ หากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการแก้ไขทันทีไม่ควรปล่อยไว้ให้ปัญหาฟันลุกลามจนอาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ หากลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับรูปร่างฟัน การขึ้นของฟัน ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ แต่หลายคนอาจจะยังมีความกังวลที่ว่า เมื่อเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว ในเรื่องของของการแปรงฟัน หรือการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ควรจะดูแลอย่าไร เพื่อไม่ให้เด็กมีฟันผุ เพราะหลายคนอาจจะคิดว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้น ดุแลรักษาความสะอาดยาก ทั้งเรื่องของการรับประทานอาหารและการแปรงฟัน อาจจะทำให้เด็กไม่สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างทั่วถึง

ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการทำความสะอาดและการดูลสุขภาพช่องปากและฟัน เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สำหรับเรื่องของการแปรงฟันในเด็กที่เข้ารับการจัดฟันนั้น เด็กสามารถการแปรงฟันได้เช่นเดิม แต่ต้องมีการแปรงที่ตัวฟันเพิ่มมากขึ้น เช่น ควรที่จะใช้ไหมขัดฟันร้อยไปตามตัวลวดแล้วขัดฟัน ต่อมาจากนั้น แปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดขอบข้างของเครื่องมือจัดฟัน การแปรงลิ้น และทำความสะอาดกระพุ้งแก้ม ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่อาจจะคอยให้คำแนะนำระหว่างที่เด็กกำลังแปรงฟันได้ เพื่อสอนให้เด็กแปงฟันได้อย่างทั่วถึงและสะอาด เพราะเครื่องมือการจัดฟัน อาจจะทำให้เด็กแปรงฟันได้ยากกว่าเดิม หรือควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน เพื่อเป็นการขจัดเชื้อโรคไปด้วย แล้วจึงแปรงฟันด้วยแปรงขนนุ่ม โดยเลือกขนาดของแปรงให้เหมาะกับช่องปากและฟัน สำหรับยาสีฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และแนะนำให้แปรงแห้งคือ บ้วนปาก บีบยาสีฟันแล้วแปรง บ้วนยาสีฟันส่วนเกินออก หลังแปรงไม่บ้วนปาก เพราะจะทำให้ฟลูออไรด์ส่วนที่มากับยาสีฟันจะได้จับกับตัวฟันได้ดีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกคองที่ควรเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมัทนตแพทย์ที่มีคงวามเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงคอยให้คำแนะนำในเรื่องของการแปรงฟัน การดูแลรักษาฟันได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ทันตแแพทย์ของเรายังมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมครบจรมาอย่างยาวนาน จึงทำให้สามารถรักษาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมั่นจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่าแน่นอน เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป้นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

7
การติดตั้งผ้ากันไฟในอุตสาหกรรม จะต้องมีการวัดขนาดอะไรบ้าง

การติดตั้งผ้ากันไฟในอุตสาหกรรม ต้องมีการวัดขนาดที่แม่นยำและครอบคลุมในหลายมิติ เพื่อให้ผ้าสามารถทำหน้าที่ป้องกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการใช้งานนั้นๆ นี่คือขนาดและข้อมูลสำคัญที่ต้องวัดและพิจารณา:


1. ขนาดพื้นที่ที่ต้องการครอบคลุม/ป้องกัน (Area to be Covered)
นี่คือการวัดขนาดพื้นฐานที่สุด:

ความกว้าง (Width): วัดความกว้างของพื้นที่ที่ต้องการให้ผ้ากันไฟครอบคลุม

ความยาว/ความสูง (Length/Height): วัดความยาวหรือความสูงของพื้นที่ที่ต้องการให้ผ้ากันไฟครอบคลุม

สำหรับงานพื้นที่ผิวเรียบ: เช่น ผนัง, พื้น, โต๊ะทำงาน (สำหรับผ้าห่มกันสะเก็ดไฟ) ให้วัดเป็นหน่วยตารางเมตร (กว้าง x ยาว)

ตัวอย่าง: หากต้องการคลุมโต๊ะเชื่อมขนาด 2 เมตร x 3 เมตร ก็ต้องใช้ผ้าขนาดอย่างน้อย 2x3 เมตร


2. ขนาดและรูปทรงของวัตถุที่ต้องการหุ้ม (Object Dimensions & Shape)
หากเป็นการหุ้มเครื่องจักร ท่อ หรืออุปกรณ์ที่มีรูปร่างซับซ้อน:

เส้นรอบวง (Circumference): สำหรับท่อ ถัง หรือวัตถุทรงกระบอก (วัดเส้นรอบวง หรือคำนวณจากเส้นผ่านศูนย์กลาง x π)

ความยาว (Length): ความยาวของท่อหรือวัตถุที่ต้องการหุ้ม

ขนาดและรูปทรงของส่วนประกอบอื่นๆ: เช่น วาล์ว หน้าแปลน ข้อต่อ หรือส่วนที่มีลักษณะเป็นมุม/โค้งงอ ต้องวัดขนาดแต่ละส่วนอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตัดผ้าและเย็บเข้ารูปได้อย่างพอดี

เผื่อขนาด: ควรเผื่อระยะซ้อนทับ (Overlap) และเผื่อสำหรับการเย็บขอบหรือทำช่องร้อยต่างๆ เพื่อให้ผ้าสามารถปิดคลุมได้อย่างมิดชิดและติดตั้งได้ง่าย (โดยทั่วไปอาจเผื่อ 10-20% หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต)


3. ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดความร้อน/เปลวไฟ (Distance from Heat/Flame Source)
แม้จะไม่ใช่การ "วัดขนาด" ของผ้าโดยตรง แต่เป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกคุณสมบัติของผ้า:

ระยะที่คาดว่าประกายไฟจะกระเด็นถึง: สำหรับงานเชื่อมหรือตัดโลหะ ต้องประเมินว่าประกายไฟจะกระเด็นไปได้ไกลแค่ไหน เพื่อให้ผ้ามีขนาดเพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่อันตรายนั้น

ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดความร้อนสูง: หากใช้เป็นฉากกั้นความร้อน ต้องประเมินระยะห่างจากเตาหลอม หรือเครื่องจักรที่ร้อนจัด เพื่อเลือกผ้าที่ทนอุณหภูมิที่ระยะนั้นๆ ได้


4. ตำแหน่งและวิธีการติดตั้ง (Mounting Location & Method)
การวัดขนาดจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบการติดตั้ง:

ผ้าม่าน/ฉากกั้น:

ความสูงและกว้างของช่องเปิด: วัดขนาดของช่องประตู ทางเข้า หรือพื้นที่ที่ต้องการกั้น

เผื่อการซ้อนทับ: หากต้องการให้ม่านกันไฟซ้อนทับกัน (เพื่อป้องกันการรั่วไหลของความร้อน/ไฟ) ต้องเผื่อความกว้างของผ้าให้มากขึ้น

จุดยึด: กำหนดตำแหน่งและระยะห่างของจุดยึด (เช่น ห่วงตาไก่, ราง) บนผ้าม่านและโครงสร้าง เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างมั่นคง

ผ้าห่มกันไฟ (Welding Blanket):

ขนาดมาตรฐาน: ส่วนใหญ่จะมาในขนาดมาตรฐาน (เช่น 1x1 เมตร, 1.5x2 เมตร, 2x3 เมตร) เลือกขนาดที่ใหญ่พอที่จะคลุมพื้นที่ทำงานหรือวัตถุที่ต้องการป้องกัน

พิจารณาการพับเก็บ: หากใช้สำหรับคลุมดับไฟ ควรเลือกขนาดที่สามารถหยิบใช้งานได้สะดวกและคลุมไฟได้อย่างรวดเร็ว


5. รายละเอียดปลีกย่อยสำหรับการผลิต/การเย็บ (Production/Sewing Details)
หากต้องการสั่งตัดผ้ากันไฟเป็นพิเศษ:

การพับขอบ (Hemming): ต้องเผื่อระยะสำหรับการพับขอบผ้าเพื่อความเรียบร้อยและความแข็งแรง

การเสริมความแข็งแรง (Reinforcement): หากต้องการเสริมความแข็งแรงบริเวณจุดยึด หรือบริเวณที่ต้องรับแรงเสียดสีบ่อยครั้ง

จำนวนและตำแหน่งห่วงตาไก่ (Eyelets): กำหนดตำแหน่งและจำนวนห่วงตาไก่ที่ต้องการ (เช่น ทุก 30 ซม., 50 ซม.) สำหรับแขวนหรือยึดติด

สรุปข้อมูลที่ต้องวัดและพิจารณา:
ขนาดพื้นที่/วัตถุ: กว้าง x ยาว x สูง (หรือเส้นรอบวง x ยาว สำหรับท่อ)

ระยะเผื่อ: สำหรับการซ้อนทับ การเย็บขอบ การเข้ารูปส่วนโค้งงอ

ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดความร้อน: เพื่อเลือกคุณสมบัติของผ้า

จุดยึด/วิธีการติดตั้ง: กำหนดตำแหน่งและจำนวนจุดยึดที่เหมาะสม

รายละเอียดการผลิต: การพับขอบ การเสริมความแข็งแรง ห่วงตาไก

การวัดขนาดอย่างละเอียดและแม่นยำ พร้อมทั้งการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณได้ผ้ากันไฟที่มีขนาดเหมาะสมที่สุด ตรงตามความต้องการใช้งาน และสามารถติดตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในโรงงานอุตสาหกรรมของคุณครับ

8
บริหารจัดการอาคาร: เคล็ดลับการกำจัดกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากแอร์ที่เราใช้งาน

เครื่องปรับอากาศ ปัจจุบันนั้นมีมากมายและหลากหลายชนิด จนบางครั้งอาจจะเลือกไม่หมด และที่สำคัญควรเลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้เข้ากับบ้านหรือห้องภายในที่อยู่อาศัยที่เราต้องการด้วย ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ที่ใช้อำนวยความสะดวกในการปรับอุณหภูมิให้ห้องที่ต้องการให้เย็นลง แน่นอนว่า ประเทศของเรามีอากาสที่ร้อนมาก จึงไม่แปลกใจที่เครื่องปรับอากาศมีความจำเป้นในการดำเนินชีวิตของใครหลายคน

แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่ต้องสูงมากขึ้น แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่า เครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหลายบ้านต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเครื่องใหม่และอาจจะสงสัยว่า ช่วงที่ช่างที่มาติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านของเรานั้น ทำงานเรียบร้อยหรือไม่หรือติดตั้งเครื่องปรับอากาศในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือเปล่า

เพราะปัจจัยที่กล่าวมานั้น ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของเรา เพราะถ้าหากเราจะต้องเสียงเงินเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศใหม่แล้วก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศที่เราติดตั้งไปแล้ว จะไม่เกิดปัญหาในภายหลัง นอกจากนี้ การใช้งานเครื่องปรับอากาศ เมื่อใช้งานไปนานๆอาจจะส่งกลิ่นอับชื้น หรือถ้าหากเปิดในช่วงหน้าฝน ก็จะยิ่งเกิดกลิ่นอับชื้นได้ง่าย ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาแนะนำเคล็ดลับการกำจัดกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากแอร์ที่เราใช้งาน เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ประสบปัญหาได้แก้ไขได้อย่างถูกต้อง

 การเปิดเครื่องปรับอากาศ ในเรื่องของควมาชื้นหรือกลิ่นอับ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ความซับซ้อนระหว่างปฏิกิริยาของความอบอ้าว ความเย็น ความชื้น อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับห้องที่ปรับอากาศได้เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็คือ ปัญหาความชื้นสะสมในห้องหลังปิดเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากถ้าหากเราเปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเราปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงที่อากาศยังมีความชื้นอยู่ภายในอากาศมาก แล้วเราเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศภายนอกเข้ามาภายในห้องได้ทันที ห้องจะเกิดอาการชื้นขึ้นทันทีเช่นกัน

 ดังนั้น เราควรใช้งานเครื่องปรับอากาศให้ถูกต้อง ซึ่งปัญหาความชื้นหรือกลิ่นอับ เป็นปัญหาที่เราหลีกเลี่ยงได้ สำหรับเคล็ดลับการแก้กลิ่นอับชื้นในเครื่องปรับอากาศของเรานั้น สามารถทำได้ด้วยการตรวจเช็คแผ่นกรองฝุ่นในเครื่องปรับอากาศเป็นประจำทุกเดือน โดยการแกะแผ่นกรองอากาศออกมาเพื่อทำความสะอาด และนำไปตากแดดหรือผึ่งให้แห้ง

จากนั้นทำการเปิดปุ่ม Fanmode หรือ Drymode ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้พัดลมได้ปัดเป่าความชื้นออกไปให้หมด หรือถ้าหากไม่มีการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ ก็ควรเปิดหน้าต่างหรือประตู เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท ปัญหากลิ่นอับชื้นก็จะลดลงและหายไปในที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือการปรุงอาหารในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ

เนื่องจากจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในเครื่องปรับอากาศ และทำให้เครื่องปรับอากาศเกิดการอุดตันและมีกลิ่นเหม็นอับชื้นได้ง่ายนั่นเอง ทั้งนี้ เราสามารถป้องกันไม่ให้แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ โดยการหมั่นดูแลและล้างแอร์ให้สะอาดอยู่เสมอก็ถือเป็นการป้องกันไม่ให้แอร์ส่งกลิ่นเหม็นได้ โดยบริเวณแผงขดท่อคอยล์เย็นควรล้างทำความสะอาดเป็นประจำทุกปี ส่วนแผงกรอกฝุ่นก็ควรจะทำความสะอาดทุกเดือน

เพราะเจ้าแผงกรองฝุ่นหรือฟิลเตอร์นี้ เป็นชิ้นส่วนที่มีฝุ่นเกาะอยู่มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแอร์ที่ติดตั้งไว้ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ ยิ่งควรถอดล้างให้ได้ทุกวัน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ทุกสัปดาห์ ส่วนระยะเวลาในการล้างทำความสะอาดชุดคอยล์ร้อน ควรล้างในทุก ๆ  6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นและช่วยบำรุงรักษาแอร์ของเราไปในตัวด้วย

 อย่างไรก็ตาม ทางเราอยากให้ทุกคนได้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณ ทางเรามีบริการดูแลระบบเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ที่มีคนจำนวนมาก เพื่อที่จะได้สามารถใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราถือว่า ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะใช้ชีวิตในภายในอาคาร นั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดเข้าไป ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สดชื่น สบายมากยิ่งขึ้น

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
ขายฟรี โพสประกาศฟรี / โรคพยาธิใบไม้ตับ
« เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2025, 16:20:33 น. »
โรคพยาธิใบไม้ตับ

พยาธิใบไม้ตับ เป็นพยาธิที่ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในท่อน้ำดีตับจากการบริโภคปลาหรือสัตว์น้ำดิบ ๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยพยาธิใบไม้ตับจะอาศัยร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเจริญเติบโตและวางไข่ ส่งผลให้ท่อน้ำดีเกิดการอักเสบเรื้อรังหรืออุดตันจากไข่และตัวพยาธิ ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการท้องอืด แน่นท้อง หรืออ่อนเพลีย แต่หากอาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจตาเหลืองตัวเหลืองคันตามตัว หรือเบื่ออาหารได้

พยาธิใบไม้ตับที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ สายพันธุ์โอปิสทอร์คิส วิเวอร์รินี (Ophisthorchis Viverrini) มีลักษณะเรียวยาว ลำตัวแบน บาง และโปร่งใส หากโตเต็มวัยจะมีขนาดกว้างถึง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร และสามารถอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีของตับคนได้นานถึง 26 ปี

อาการของพยาธิใบไม้ตับ

ในระยะแรกของการติดเชื้อ หากพยาธิใบไม้ตับยังมีจำนวนไม่มาก และเนื้อตับยังมีการอักเสบหรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจยังไม่ปรากฏอาการใด ๆ แต่หากมีพยาธิใบไม้ตับสะสมอยู่จำนวนมากเป็นเวลานาน จนเกิดการติดเชื้อเรื้อรังและตับเสียหายมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเริ่มแสดงอาการคล้ายกับการป่วยโรคระบบทางเดินอาหารทั่วไป เช่น

    รู้สึกร้อนบริเวณท้อง
    อาหารไม่ย่อย แน่นท้อง ท้องอืด
    ท้องเสียเรื้อรัง หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก
    ปวดหลัง
    ปวดท้องบริเวณด้านขวาบนจากภาวะตับอักเสบ
    เจ็บใต้ชายโครงขวา หรือใต้ลิ้นปี่
    คลำพบตับหรือก้อนในท้องด้านขวาบน
    อ่อนเพลีย

หากป่วยมานานแต่ไม่ได้รับการรักษา ตับอาจเกิดการอักเสบเสียหายมากขึ้น รวมทั้งมีพยาธิและไข่พยาธิอุดตันทางเดินน้ำดีในตับ จนผู้ป่วยอาจมีอาการตับและถุงน้ำดีโต ตาเหลืองตัวเหลืองเป็นครั้งคราว ขาดสารอาหาร และหากอาการทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    ปวดท้องด้านขวาบนเพิ่มมากขึ้น แน่นท้องจากตับโตมากขึ้น
    เบื่ออาหาร ผอมลง
    มีไข้ต่ำ
    คันตามตัว
    แขนขาบวม และมักมีน้ำในท้องหรือท้องมาน
    มีปัสสาวะสีเข้ม และมีอุจจาระสีซีด
    ตัวเหลือง ตาเหลือง
    ภาวะท่อน้ำดีอุดตันถาวร
    ตับและถุงน้ำดีโตมากจนคลำเจอเองได้

สาเหตุของพยาธิใบไม้ตับ

พยาธิใบไม้ตับมักเป็นการติดเชื้อจากพยาธิสายพันธุ์โอปิสทอร์คิสวิเวอร์รินีที่เข้ามาอาศัยภายในท่อน้ำดีตับจากการบริโภคปลาหรือสัตว์น้ำที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อเข้าไปโดยไม่ผ่านการปรุงสุกให้ความร้อนฆ่าพยาธิ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด เช่น ปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาแก้มช้ำ ปลาขาวนา และปลาขาว หรือปลาจากการแปรรูปหมักดอง เช่น ปลาร้า และอาหารที่ปรุงจากปลาร้า เช่น ส้มตำ แจ่ว เป็นต้น

ตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับจะใช้ท่อน้ำดีตับของมนุษย์ในการเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย จนร่างกายได้รับความเสียหายและเกิดอาการป่วยต่าง ๆ ขึ้น โดยพยาธิใบไม้ตับมีวงจรชีวิต ดังนี้

    มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรับเอาตัวอ่อนลักษณะซีสต์ระยะเมตาเซอร์คาเรีย (Encysted Metacercariae) หรือระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ตับเข้าสู่ร่างกาย
    พยาธิตัวอ่อนจะเข้าสู่ลำไส้เล็กและตับ ผ่านรูเปิดของท่อน้ำดีตับที่เปิดเข้าลำไส้เล็ก และเจริญเติบโตในท่อน้ำดีตับ
    ตัวอ่อนจะอาศัยในท่อน้ำดีจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย กลายเป็นหนอนพยาธิ
    เมื่อคนหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรังโรคของพยาธิใบไม้ตับขับถ่ายอุจจาระไม่เป็นที่ ไข่ของพยาธิใบไม้ตับที่ปนอยู่ในอุจจาระจะปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำ และถูกกินโดยหอยน้ำจืด เช่น หอยขม จากนั้นตัวอ่อนจะอาศัยร่างกายของหอยน้ำจืดในการเจริญเติบโตเป็นระยะเซอร์คาเรีย (Cercaria)
    ตัวอ่อนระยะเซอร์คาเรียจะไชออกจากหอยน้ำจืดลงสู่แหล่งน้ำ และไชเข้าไปอาศัยอยู่ในเนื้อปลาน้ำจืด จนเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนลักษณะซีสต์ระยะเมตาเซอร์คาเรียหรือตัวอ่อนระยะติดต่อ
    เมื่อมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ บริโภคปลาที่มีพยาธิเข้าไป พยาธิก็จะเจริญเติบโตและวางไข่ในท่อน้ำดีตับต่อไป

การวินิจฉัยพยาธิใบไม้ตับ

ในเบื้องต้น แพทย์อาจวินิจฉัยอาการด้วยการซักประวัติผู้ป่วยเกี่ยวกับแหล่งอาศัย อาหารที่บริโภค และอาการต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้น จากนั้น อาจส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจตัวอย่างอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ แต่หากตรวจไม่พบ แพทย์อาจต้องวินิจฉัยด้วยการหาสารก่อภูมิต้านทาน (Antigen) ต่อพยาธิใบไม้ตับ จากอุจจาระหรือเลือดต่อไป

นอกจากนั้น หากพบภาวะตับโต แพทย์อาจส่งตรวจอัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อหาภาวะแทรกซ้อนจากโรคพยาธิใบไม้ตับเพิ่มเติม

การรักษาพยาธิใบไม้ตับ

เพื่อการรักษาพยาธิใบไม้ตับอย่างเหมาะสม แพทย์อาจต้องพิจารณาจากผลการวินิจฉัยไข่พยาธิ ระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น โดยการรักษาพยาธิใบไม้ตับ มีดังนี้

การใช้ยา

    ยาพราซิควอนเทล รับประทานปริมาณ 25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 3 ครั้ง หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน หรือปริมาณ 40-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 1 ครั้ง จากนั้น ไข่พยาธิในอุจจาระจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
    ยาปฏิชีวนะ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

การผ่าตัด

แพทย์อาจต้องผ่าตัดหากเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินน้ำดี

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องรับการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น กินยาแก้ปวด ต่อท่อเข้าไปในท่อน้ำดีเพื่อระบายน้ำดี ลดอาการตัวเหลืองตาเหลือง หรือเจาะน้ำออกจากท้องเป็นครั้งคราวเมื่อมีอาการแน่นท้องมากจากมีน้ำในท้อง เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของพยาธิใบไม้ตับ

ผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับอาจปรากฏภาวะแทรกซ้อนได้ ดังต่อไปนี้

    ภาวะโลหิตจาง
    ติดเชื้อแบคทีเรีย
    ท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อ
    ถุงน้ำดีอักเสบ
    ตับอ่อนอักเสบ
    ตับแข็ง
    มะเร็งท่อน้ำดี
    ติดเชื้อในกระแสเลือด และการติดเชื้อกระจายไปทั่วร่างกาย

การป้องกันพยาธิใบไม้ตับ

เนื่องจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับเกิดจากการบริโภคพยาธิใบไม้ตับเข้าสู่ร่างกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ดังนี้

    เลิกรับประทานปลาหรือสัตว์น้ำจืดแบบดิบ ๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ หรือแบบแปรรูปหมักดอง เช่น ปลาร้า
    ปรุงอาหารจำพวกปลาหรือสัตว์น้ำจืดให้สุกอย่างทั่วถึงก่อนบริโภคเสมอ ด้วยอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป
    หากต้องการรับประทานเนื้อปลาดิบ ๆ ควรแช่แข็งปลาที่ความเย็นต่ำกว่าหรือเท่ากับ -20 องศาเซลเซียส ก่อนรับประทานเป็นเวลา 7 วัน

หลังรักษาหายแล้ว ควรตรวจอุจจาระเป็นครั้งคราวตามคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อป้องกันกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ (Primary hyperhidrosis)

ภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ หมายถึง ภาวะเหงื่อออกมากที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน* ผู้ป่วยจะมีอาการเหงื่อออกที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า แม้อยู่เฉย ๆ หรือในที่อากาศเย็น ซึ่งมักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังมาตั้งแต่อายุน้อย

ภาวะนี้พบมากในวัยรุ่นและคนอายุน้อยกว่า 25 ปี และมักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย

*คนทั่วไปมักมีเหงื่อออกมากตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เมื่ออยู่ในที่อากาศร้อน หลังการออกกำลังกายหรือใช้แรงมาก กินอาหารเผ็ดร้อน มีความเครียด ตื่นเต้น ตกใจ มีไข้สูง เป็นโรคหรือภาวะบางอย่าง (เช่น มีภาวะช็อก ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน วัณโรค มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคของหญิงวัยหมดประจำเดือน ภาวะตั้งครรภ์ ภาวะอ้วน) การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น เรียกว่า ภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ (secondary generalized hyperhidrosis)
ส่วนภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ (primary hyperhidrosis/primary focal hyperhidrosis) มักมีเหงื่อออกเฉพาะที่ ส่วนใหญ่พบที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ แต่ก็อาจพบที่บริเวณใบหน้า หนังศีรษะ

สาเหตุ

เกิดจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อถูกกระตุ้นมากเกินไป ส่งผลให้ต่อมเหงื่อหลั่งเหงื่อออกมามากผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากพันธุกรรมผิดปกติที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่

อาการ

มีอาการเหงื่อออกมากโดยไม่มีสาเหตุ แม้แต่อยู่เฉย ๆ (ไม่ได้ทำอะไร) จิตใจสบาย (ไม่มีความเครียด ตกใจ กลัว หรือกังวล) หรืออยู่ในที่อากาศเย็น ก็มีอาการขึ้นมาได้ ซึ่งมักเป็นช่วงกลางวันในเวลาใดก็ได้ จะไม่มีอาการขณะนอนหลับ อาการจะเกิดขึ้นเป็นบางวัน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาการมักจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเหงื่อออกที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า หนังศีรษะ พร้อมกัน 2-3 บริเวณ โดยมีเหงื่อออกเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ 2 ข้างกับฝ่าเท้า 2 ข้าง, ฝ่ามือ 2 ข้าง รักแร้ 2 ข้าง และฝ่าเท้า 2 ข้าง เป็นต้น ส่วนน้อยอาจมีเหงื่อออกมากเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เช่น ฝ่ามือ 2 ข้าง, ฝ่าเท้า 2 ข้าง, รักแร้ 2 ข้าง เป็นต้น

ผู้ป่วยอาจมีเหงื่อออกมากจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเขียนหนังสือ การทำงาน การขับรถ การหยิบจับของ หนังสือ เอกสาร หรือเครื่องดนตรี การจับมือทักทาย การไม่กล้าเข้าใกล้ผู้อื่นเพราะมีกลิ่นตัว การเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือถุงเท้าที่ชุ่มเหงื่อบ่อยกว่าปกติ เป็นต้น

อาการเหงื่อออกของผู้ป่วยอาจเป็นมากขึ้นจากการออกกำลังกาย ความเครียด หรือความวิตกกังวล

ภาวะแทรกซ้อน

อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อาทิ

    ผิวหนังบริเวณที่มีเหงื่อหมักหมมมีการติดเชื้อรา (เช่น โรคเชื้อราที่เท้าหรือฮ่องกงฟุต) ไวรัส (เช่น โรคหูด) หรือแบคทีเรีย (เช่น ฝี พุพอง)
    มีกลิ่นตัวที่เกิดจากเหงื่อปะปนกับสารที่แบคทีเรียสร้างขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งมักพบที่บริเวณรักแร้และเท้า
    ส่งผลต่อจิตใจและการเข้าสังคม เช่น รู้สึกอับอาย ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง กระทบต่อการมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือหลีกหนีสังคม กระทบต่อหน้าที่การงานหรือการเรียน บางรายอาจเกิดภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งจะตรวจพบว่ามีเหงื่อชุ่มหรือออกเป็นหยดบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า และ/หรือหนังศีรษะ

ในรายที่วินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด หรือสงสัยเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม (ตรวจเลือด ปัสสาวะ หรืออื่น ๆ) เพื่อหาสาเหตุ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เบาหวาน เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. ในรายที่มีอาการไม่มาก ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงโรคนี้ และแนะนำวิธีให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง

2. ในรายที่มีอาการมาก มีผลกระทบต่อจิตใจหรือการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาหรือวิธีต่าง ๆ โดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วย ดังนี้

    การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (antiperspirants) ซึ่งมีส่วนผสมของสารอะลูมิเนียมคลอไรด์ ทาบริเวณที่มีเหงื่อออกมากตอนก่อนนอน และล้างออกตอนเช้า ควรระวังอย่าให้เข้าตา และอาจระคายเคืองผิวหนังได้ ยานี้จะได้ผลหลังใช้นาน 2-4 สัปดาห์ หลังหยุดยาอาการมักกลับมากำเริบใหม่ได้อีก
    การใช้ยากลุ่มแอนติโคลิเนอร์จิก (anticholinergic) ซึ่งมีฤทธิ์ระงับการทำงานของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง มียาทั้งชนิดทา (เช่น glycopyrrolate bromide) และชนิดกิน (เช่น propantheline bromide) สำหรับชนิดกิน อาจมีผลข้างเคียง (เช่น ปากแห้ง ตาพร่ามัว ปัสสาวะลำบาก ท้องผูก)
    การใช้ยาต้านซึมเศร้า ช่วยลดอาการเหงื่อออก และช่วยลดความวิตกกังวล (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้มีเหงื่อออกมากขึ้น)
    การฉีดโบท็อกซ์หรือสารโบทูลินัม (Botox หรือ botulinum toxin) ระงับการทำงานของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง ซึ่งมักจะต้องฉีดซ้ำประมาณทุก 6 เดือน ยานี้อาจมีผลข้างเคียง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดยาอ่อนแรงชั่วคราว
    สำหรับผู้ป่วยที่ให้การรักษาดังกล่าวไม่ได้ผล แพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การรักษาด้วยวิธีไอออนโทฟอเรซิส (Iontophoresis โดยการใช้กระแสไฟฟ้าพลังงานต่ำช่วยส่งผ่านน้ำหรือยาเข้าสู่ผิวหนังบริเวณต่อมเหงื่อที่มีอาการ ทำให้ต่อมเหงื่อทำงานลดลง อาจต้องให้การรักษาซ้ำทุก 1 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกลับมาอีก), การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ (microwave therapy เพื่อทำลายต่อมเหงื่อที่บริเวณรักแร้), การขจัดเอาต่อมเหงื่อออกไป (sweat gland removal) โดยการใช้เครื่องมือแพทย์ทำการขูด (curettage) หรือดูด (liposuction) เอาต่อมเหงื่อที่ผิดปกติออกไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ที่ผิดปกติ, การตัดเส้นประสาทไขสันหลังที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ (endoscopic thoracic sympathectomy/ETS) ซึ่งได้ผลดีในการรักษาภาวะเหงื่อออกมากที่มือและรักแร้ แต่อาจมีผลข้างเคียง คือมีเหงื่อออกมากในบริเวณอื่น (เช่น หลัง ท้อง ต้นขา ปลายขา) แทน เรียกว่า “ภาวะเหงื่อออกทดแทน (compensatory sweating)”

ผลการรักษา การรักษาด้วยยาและวิธีต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นการช่วยลดอาการเพียงชั่วคราว เมื่อหยุดยาหรือเว้นการรักษา ก็มักจะมีอาการกำเริบได้ใหม่ ต้องติดตามดูแลรักษาเป็นระยะ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาวะแทรกซ้อนทางร่างกายและจิตใจ ในรายที่การรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้ผล แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือวิธีทำลายหรือขจัดต่อมเหงื่อ ซึ่งมักได้ผลดี แต่อาจมีผลแทรกซ้อนตามมาได้ (เช่นเลือดออก แผลติดเชื้อ แผลเป็น ภาวะเหงื่อออกทดแทน)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเหงื่อออกมากที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า และ/หรือศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดูแลรักษาและติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ และปฏิบัติตัว ดังนี้

    ใช้ยา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (antiperspirants), ยาดับกลิ่น (deodorant) ตามที่แพทย์แนะนำ 
    อาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และเมื่อมีเหงื่อออกมาก เช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณรักแร้และเท้า
    สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม และระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย 100%
    มีเสื้อผ้าและถุงเท้าสำรองติดตัว ไว้เปลี่ยนเวลามีเหงื่อออกมาก
    หมั่นรักษารองเท้าให้แห้งและสะอาด หรือใส่รองเท้าหัวเปิด และถอดรองเท้าบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เพื่อไม่ให้เท้ามีเหงื่อหมักหมม

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อเหงื่อออกมากขึ้น มีเหงื่อออกมากผิดปกติตอนกลางคืน สงสัยว่าอาจเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ หรือมีความวิตกกังวล

การป้องกัน

โรคนี้ยังไม่มีวิธีป้องกัน เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม

การรักษาและปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองอย่างจริงจัง จะช่วยให้เหงื่อออกน้อยลง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรศึกษาให้เข้าใจถึงธรรมชาติของโรคนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม และแม้ว่าโรคนี้ไม่สามารถหาทางป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงใด ๆ การเรียนรู้จะช่วยให้สามารถยอมรับที่จะอยู่กับโรคนี้ รู้จักดูแลรักษาตนเองให้อาการน้อยลง และสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้

2. โรคนี้พบมากในวัยรุ่นและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี หากพบในคนอายุมากหรือมีโรคประจำตัว มักเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเหงื่อออกมากอย่างผิดปกติไม่ว่าเกิดขึ้นในวัยใด ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด และให้การรักษาที่ถูกต้อง

13
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
ไอเทมของแต่งตกบ้านที่ทำให้บ้านคุณน่าค้นหามากขึ้น

การเลือก ไอเทมของตกแต่งบ้าน ที่จะทำให้บ้านของคุณ น่าค้นหามากขึ้น ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่เป็นการสร้างเรื่องราว ความลึกลับ และความน่าสนใจที่ชวนให้แขกอยากใช้เวลาสำรวจและค้นพบมุมต่างๆ ค่ะ การตกแต่งสไตล์นี้จะเล่นกับความรู้สึก บรรยากาศ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีเสน่ห์ ลองดูไอเดียเหล่านี้เพื่อเพิ่มมิติให้บ้านของคุณน่าค้นหามากยิ่งขึ้นนะคะ

1. แสงไฟสร้างบรรยากาศ (Ambient & Accent Lighting)

แสงคือหัวใจสำคัญในการสร้างอารมณ์และความน่าค้นหา

โคมไฟดีไซน์แปลกตา: เลือกโคมไฟตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ หรือโคมไฟแขวนที่มีรูปทรง วัสดุ หรือการให้แสงที่ไม่เหมือนใคร เช่น โคมไฟที่ให้แสงสลัวๆ ผ่านลวดลายฉลุ, โคมไฟวินเทจ, หรือโคมไฟที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ

ไฟซ่อน/ไฟ LED Strip: ติดซ่อนตามชั้นวางของ ใต้ขอบตู้ หรือบริเวณมุมผนัง เพื่อสร้างแสงสว่างแบบนุ่มนวลและเน้นองค์ประกอบบางอย่าง ทำให้เกิดมิติและเงาที่น่าสนใจ

เทียนหอม/เชิงเทียนดีไซน์พิเศษ: จุดเทียนหอมในมุมต่างๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น กลิ่นหอม และแสงริบหรี่ที่สร้างบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา


2. ของสะสมและของวินเทจ (Collectibles & Vintage Finds)

ของที่มีเรื่องราวในตัวเองจะเพิ่มเสน่ห์และความน่าค้นหาได้เป็นอย่างดี

ของเก่า/แอนทีค: เช่น โทรศัพท์เก่า, กล้องถ่ายรูปฟิล์ม, เครื่องพิมพ์ดีด, หรือนาฬิกาโบราณ แต่ละชิ้นมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ชวนให้มอง

งานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: ภาพวาดนามธรรม, รูปปั้น, หรือประติมากรรมที่มีความหมายซ่อนอยู่ หรือเป็นงานฝีมือที่ไม่ใช่ mass production

ของสะสมส่วนตัว: จัดแสดงคอลเลกชันที่คุณหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นโมเดล หนังสือแผ่นเสียง หรือแสตมป์ การได้เห็นของสะสมเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าของบ้าน

แผนที่โลก/ลูกโลกวินเทจ: สร้างความรู้สึกถึงการเดินทาง การสำรวจโลกกว้าง และความรู้


3. สิ่งทอและลวดลายที่น่าดึงดูด (Intriguing Textiles & Patterns)

ผ้าและลวดลายสามารถเพิ่มความน่าสนใจและมิติให้กับห้องได้

พรมลวดลายชนเผ่า/เปอร์เซีย: พรมที่มีลวดลายซับซ้อน สีสันอบอุ่น หรือมีประวัติศาสตร์ จะเป็นจุดเด่นที่น่าค้นหา

หมอนอิง/ผ้าคลุมที่มีเท็กซ์เจอร์และลวดลายพิเศษ: เลือกผ้าที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เช่น ผ้าถัก ผ้ากำมะหยี่ หรือผ้าที่มีลายปัก/พิมพ์ที่ละเอียดอ่อน ไม่ใช่แค่ลายทั่วไป

ผ้าม่านโปร่งแสง/มีลวดลาย: เล่นกับแสงที่ส่องผ่านผ้าม่านที่อาจมีลวดลายบางๆ ทำให้เกิดเงาที่น่าสนใจบนพื้นหรือผนัง


4. เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว (Unique Furniture Pieces)

เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นสามารถเป็นตัวจุดประกายความน่าค้นหาได้

เก้าอี้ดีไซน์แปลกตา: เก้าอี้วินเทจ เก้าอี้หวายที่มีรูปทรงเฉพาะ หรือเก้าอี้ที่มีงานฝีมือประณีต

ตู้โชว์/ชั้นวางของแบบเปิด: จัดวางหนังสือ ของสะสม และของตกแต่งอื่นๆ อย่างมีศิลปะ ชวนให้คนอยากหยุดดู

โต๊ะกาแฟที่มีลูกเล่น: อาจเป็นโต๊ะที่มีลิ้นชักลับ หรือเป็นโต๊ะที่ทำจากวัสดุแปลกใหม่


5. รายละเอียดเล็กๆ ที่ชวนมอง (Intimate Details)

บางครั้งความน่าค้นหาก็มาจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่

หนังสือและชั้นหนังสือ: จัดวางหนังสือหลากหลายประเภท ทั้งหนังสือเก่า หนังสือศิลปะ หรือหนังสือน่าอ่านอื่นๆ บนชั้นวางอย่างมีศิลปะ

กล่องเก็บของดีไซน์สวย: แทนที่จะซ่อนของไว้ ลองใช้กล่องเก็บของที่สวยงามวางโชว์ เพิ่มความลึกลับว่าข้างในมีอะไร

กลิ่นหอมที่ไม่ธรรมดา: นอกจากกลิ่นหอมสดชื่นทั่วไป ลองเลือกกลิ่นหอมที่ซับซ้อน ลึกลับ อย่างกลิ่นไม้ กลิ่นเครื่องเทศ หรือกลิ่นที่ผสมผสานหลายกลิ่นเข้าด้วยกัน เช่น น้ำหอมบ้าน (Home Fragrance) หรือ Diffuser

พืชพรรณที่แปลกตา: นอกเหนือจากต้นไม้ทั่วไป ลองหาพืชที่มีรูปร่างหรือสีสันแปลกๆ เช่น พืชอวบน้ำที่มีรูปทรงน่ารัก หรือเฟิร์นที่แผ่ใบน่าสนใจ


เคล็ดลับสำคัญ:

สร้างจุดเด่น (Focal Point): เลือกของตกแต่งเพียง 1-2 ชิ้นที่โดดเด่นในแต่ละมุม เพื่อดึงดูดสายตาและสร้างความน่าสนใจ

เล่นกับแสงและเงา: ใช้แสงไฟเพื่อสร้างมิติและเงา ทำให้ห้องดูมีชั้นเชิงมากขึ้น

เรื่องราวส่วนตัว: เลือกของที่มีเรื่องราวสำหรับคุณ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้บ้านมีชีวิตชีวาและน่าค้นหาอย่างแท้จริง

หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะช่วยให้บ้านของคุณกลายเป็นพื้นที่ที่น่าค้นหาและเต็มไปด้วยเสน่ห์นะคะ!

หน้า: [1] 2 3 ... 34






















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย