สัญญาณบ่งบอกว่าตัวกรองท่อลมร้อนควรเปลี่ยนการเปลี่ยนตัวกรองท่อลมร้อนเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ หากปล่อยให้ตัวกรองสกปรก อาจส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในโรงงานและประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรได้
สัญญาณบ่งบอกว่าตัวกรองท่อลมร้อนควรเปลี่ยน:
ประสิทธิภาพในการดูดอากาศลดลง:
อากาศไม่สะอาด: อากาศภายในโรงงานยังคงมีฝุ่นละอองหรือกลิ่นเหม็น แม้ว่าระบบจะทำงานอยู่
อุณหภูมิสูง: อุณหภูมิภายในโรงงานสูงกว่าปกติ แม้ว่าระบบทำความเย็นจะทำงานอยู่
ความชื้นสูง: ความชื้นในอากาศสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดปัญหาเชื้อราหรือรา
เสียงผิดปกติ:
เสียงดังผิดปกติ: เสียงดังผิดปกติจากพัดลมหรือมอเตอร์ อาจเป็นสัญญาณของการสึกหรอหรือชำรุดของชิ้นส่วน
เสียงสั่นสะเทือน: เสียงสั่นสะเทือนอาจเกิดจากการไม่สมดุลของใบพัด หรือปัญหาที่มอเตอร์
กลิ่นเหม็น:
กลิ่นไหม้: เกิดจากมอเตอร์ร้อนเกินไป หรือมีส่วนประกอบของระบบเกิดการไหม้
กลิ่นสารเคมี: หากมีการรั่วซึมของสารเคมี อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นผิดปกติ
การสั่นสะเทือน:
ท่อสั่น: ท่อสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอาจเกิดจากการติดตั้งไม่แน่นหนา หรือมีวัตถุมากระทบ
มอเตอร์สั่น: มอเตอร์สั่นสะเทือนอาจเกิดจากปัญหาที่ตลับลูกปืน หรือการไม่สมดุลของใบพัด
การรั่วซึม:
รอยรั่ว: ตรวจสอบข้อต่อต่างๆ หากพบรอยรั่ว อาจทำให้ประสิทธิภาพในการดูดอากาศลดลง และอาจเกิดการรั่วไหลของสารเคมี
น้ำรั่ว: หากมีน้ำรั่ว อาจเกิดจากท่อรั่ว หรือระบบระบายน้ำเสีย
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้น:
ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น: หากระบบทำงานหนักเกินไป หรือมีการรั่วซึม อาจทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น
ค่าบำรุงรักษาสูงขึ้น: หากปล่อยปละละเลยไม่บำรุงรักษา อาจเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นในภายหลัง และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ตัวกรองอุดตัน
ฝุ่นละออง: ฝุ่นละอองในอากาศจะค่อยๆ สะสมตัวบนตัวกรอง ทำให้ช่องว่างในการผ่านของอากาศลดลง
ละอองน้ำมัน: ละอองน้ำมันจากเครื่องจักรจะเกาะติดบนตัวกรอง ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง
เส้นใย: เส้นใยจากวัสดุต่างๆ เช่น ผ้า หรือกระดาษ อาจติดอยู่บนตัวกรอง
หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบทำความสะอาดหรือเปลี่ยนตัวกรองใหม่โดยเร็วที่สุด
การบำรุงรักษาตัวกรองเป็นประจำจะช่วยให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ